2551/11/25

Insurance

Insurance - Free QuotesGet fast insurance quotes. 2Insure4Less.com is a free service to help you compare rates from multiple insurers in your area.
Complete one quick and easy form.
http://www.2insure4less.com/
Affordable Health InsuranceProviding affordable insurance solutions to self employed individuals. Request your free quote now for low-cost health, dental and life insurance plans.
http://www.healthinsurancesavings.com/
Insurance QuotesGet insurance quotes. Compare top insurance companies and save money. Free insurance quotes for individuals, families and businesses.
http://www.usinsuranceonline.com/
Compare Free Insurance QuotesCompare free quotes from top insurance companies nationwide. Save money, time, and frustration by shopping for insurance the easy way.
http://www.hometownquotes.com/
Instant Auto Insurance QuotesIf you are looking for lower auto insurance rates, click here to find out instantly how low the rates are. Buy online if qualified.
http://www.4freequotes.com/
Save on Car Insurance and More InstantlyGet your free car insurance quote and compare quotes instantly online. If you're looking for health, home, renters or life, see if you save when you get your fast, free quote online.
www.esurance.com
GEICO Car Insurance - Official SiteGet an instant quote and see how much you could save.
www.geico.com
Save on Auto and Life Insurance OnlineCompare and save hundreds on auto and life insurance at Insurance.com. Receive online quotes from many major companies. Buy online or over the phone. Try this free service and save today.
http://www.insurance.com/

2551/11/24

"โกลเด้นแลนด์ฯ" หั่นราคาบ้านหรู ชูแคมเปญพิเศษฟื้นรายได้ท้ายปี

โกลเด้นแลนด์ฯ เร่งกระตุ้นยอดขายโครงการแนวราบ จัดโปรโมชันพิเศษ"Golden Day’ Double Bonuses" รับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษส่งท้ายปี มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท 23 พ.ย.เพียงวันเดียว บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้น แลนด์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโครงการบ้านจัดสรรชั้นนำของเมืองไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน เปิดตัวแคมเปญทางการตลาดโดยรวบรวมเอาข้อเสนอสุดพิเศษและสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่ลูกค้ากับโครงการบ้านสุดหรูทั้ง 4 โครงการของทางบริษัท ภายในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ สำหรับโปรโมชันโกลเด้น เดย์สุดพิเศษนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 23 พ.ย.นี้เพียงวันเดียว โดยให้สิทธิพิเศษถึง 2 เท่า กับการฟรีเงินจอง พร้อมยังมอบบัตรกำนัลสำหรับซื้อสินค้ามูลค่ากว่า 3แสนบาทอีกด้วย โดยรายละเอียดของแคมเปญ ได้แก่ โครงการโกลเด้น เฮอริเทจ (ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์) ราคาเริ่มต้นที่ 16.5 ล้านบาท รับส่วนลดพิเศษที่มีมูลค่าสูงสุดกว่า 3.5 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิในการเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ มูลค่า 1.8 ล้านบาท โครงการโกลเด้น เลเจนด์ (สาธร กัลปพฤกษ์) ราคาเริ่มต้นที่ 12.7 ล้านบาท รับส่วนลดพิเศษที่มีมูลค่าสูงสุดกว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิในการเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ มูลค่า 1.8 ล้านบาท โครงการแกรนด์ โมนาโค (ถนนคู่ขนานวงแหวน อ่อนนุช) ราคาพิเศษส่งท้ายปีที่ 10.9 ล้านบาท พร้อมรับของกำนัลพิเศษ 18 อย่าง และแพ็คเกจพิเศษมูลค่าสูงสุดกว่า 3 ล้านบาท และโครงการโกลเด้น นครา (พระราม 9 ตัดใหม่ มอเตอร์เวย์) ราคาพิเศษส่งท้ายปีที่ 11 ล้านบาท พร้อมรับของกำนัลพิเศษ 18 อย่าง และแพ็คเกจพิเศษมูลค่าสูงสุดกว่า 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทีมผู้บริหารที่รับผิดชอบในการบริหารธุรกิจบ้านจัดสรร คือ นายนายสหัส ตันติคุณ ซึ่งได้มีการกำหนดเป้าหมายในการผลักดันยอดขายโครงการแนวราบเพื่อเสริมสร้างให้ยอดขายรวมของบริษัทฯมีอัตราเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการลาออกของนายสหัส ตันติคุณ จากตำแหน่งกรรมการ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและกรรมการผู้อำนวยการธุรกิจบ้านจัดสรรของบริษัทฯ และบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นต้นไป สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 3 ของปี 51 ปรากฏว่า จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง การผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุน ภาวะการแข่งขันที่สูง รวมทั้งราคาน้ำมันและราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ได้ส่งผลต่อการประกอบการของบริษัท ทำให้ในไตรมาส 3 มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 23 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิเป็นจำนวน 60 ล้านบาท ในงวด 9 เดือน บริษัทฯมีกำไรสุทธิจำนวน 9 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 939 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสะสมรวมของบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 มีจำนวน 955 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจาก รายได้จากการขายอสังหาฯในงวด 9 เดือนมีจำนวน 933 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นจำนวน 829 ล้านบาท คิดเป็น 47% เนื่องจากการรับรู้รายได้ของขายอสังหาฯที่ลดลงในโครงการบ้านเดี่ยว รวมทั้งการบันทึกรายได้ที่ลดลงของโครงการ ดิ อินฟินิตี้ เนื่องจากการก่อสร้างคอนโดฯของโครงการได้แล้วเสร็จในเดือนพ.ค.ปี 51

ธุรกิจบ้านเช่าชาวญี่ปุ่นยังบูม อยู่ในเขตกทม.กว่า3หมื่นคน

ธุรกิจจัดหาบ้านพักชาวญี่ปุ่นยังรุ่ง “สยามโคโตบูกิ” เผยชาวญี่ปุ่นทำงานในเมืองไทย 42,000 คน อยู่ในกทม.ถึง 31,000 คน ทำเลฮอตสุขุมวิท อโศก ทองหล่อ ชี้อัตราค่าเช่า 45,000-75,000 บาท/เดือนมีความต้องการมากที่สุด นายเซอิตะ ฮากิวารา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามโคโตบูกิ จำกัด ธุรกิจนายหน้าจัดหาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าแก่ชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ธุรกิจจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทย นับว่ายังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นทำงานในเมืองไทยประมาณ42,000 คน ในจำนวนนี้มีกว่า31,000 คนที่อาศัยในกทม. ย่านสุขุมวิท อโศก และทองหล่อ ทั้งนี้ แนวโน้มการเข้ามาทำงานในเมืองไทยของชาวญี่ปุ่นยังมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นจะไม่ดี เพราะการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในแถบเอเชีย โดยเฉพาะ จีน เวียดนาม และไทย ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญมากที่สุดเพราะมีความปลอดภัย การอยู่อาศัย กฎหมายและคุณภาพแรงงาน โดยปัจจุบันมีบริษัทของชาวญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินงานในไทยกว่า1,200 บริษัท มูลค่าการลงทุนสูงถึง1.4 แสนล้านบาท สำหรับที่อยู่อาศัยที่ชาวญี่ปุ่นต้องการนั้นจะมีขนาด 2 ห้องนอนขึ้นไป ค่าเช่า45,000-75,000 บาทต่อเดือน เพราะหากมีราคาถูกหรือแพงกว่า จะหาคนเช่ายากมาก นอกจากนี้ในปัจจุบันผู้ประกอบการไทยยังนิยมสร้างห้องชุดขนาดเล็ก ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการ นายเซอิตะ กล่าวว่า จากประสบการณ์จัดหาที่อยู่อาศัยให้ชาวญี่ปุ่นในไทยกว่า15ปีทำให้ทราบความต้องการอย่างดี ดังนั้นบริษัทจึงได้มีแนวคิดที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยพัฒนาโครงการวิลล่า สิกขราคอนโดมิเนียม ในซอยทองหล่อ 25 รูปแบบโครงการเน้นดีไซน์เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น สไตล์วิลล่าและญี่ปุ่นสมัยใหม่ โดยขณะนี้มียอดขาย60% ซึ่งมีสัดส่วนครบกำหนดการถือครองของชาวต่างชาติ 49% ตามที่กฎหมายแล้ว ส่วนจำนวนยูนิตที่เหลือจะเน้นนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่าโดยบริษัทจะเป็นผู้จัดหาผู้เช่าให้ และล่าสุดได้นำ10 ยูนิตมาจัดแคมเปญการันตีผลตอบแทน 6% นาน 5 ปี อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ซึ่งยังเน้นกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น ในย่านสุขุมวิท โดยเฉพาะทองหล่อขณะนี้อยู่ระหว่างหาที่ดินซึ่งมีผู้นำมาเสนอขายให้หลายแปลง แต่ส่วนใหญ่ราคาสูงเกินกว่าที่จะพัฒนาห้องชุดให้เช่าไม่เกิน 75,000 บาทต่อเดือนได้ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาอาคารขนาดเล็กจำนวนหลายๆอาคารและปล่อยขายยกอาคาร ซึ่งธุรกิจเช่นนี้เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นแต่ต้องศึกษาความเป็นไปได้อีกครั้ง โครงการวิลล่า สิกขรา ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 620 ตารางวา ในซอยทองหล่อ 25 ถนนสุขุมวิท ก่อสร้างเป็นอาคารสูง 7 ชั้น มีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 64 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 98.7- 135.5 ตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ย 9-9.6 หมื่นบาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 580 ล้านบาท

ไขปมปัญหาต้นทุนปรับขึ้น

ปัญหาการปรับตัวของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และต้นทุนการเงิน รวมถึงปัญหาการขาดสภาพคล่อง จากการเข้มงวดการพิจารณาปล่อยสิ้นเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อยของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัว โดยเฉพาะวิธีการก่อสร้าง เทคโนโลยีการก่อสร้าง วิธีการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อช่วยลดต้นทุน และการบริหารกระแสเงินสดเพื่อให้สามารถรักษาต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด และไม่ส่งผลต่อกำไรของบริษัท การนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูป หรือ พรีแฟบเข้ามาใช้จะได้รับการยอมรับและเป็นทางออกของการแก้ปัญหาภาวะต้นทุนปรับตัวได้หรือไม่นั้น นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การยอมรับในระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป (พรีแฟบ) ของกลุ่มผู้บริโภคนั้น เชื่อว่าไทยก้าวข้ามขั้นตอนนั้นมานานแล้ว เพราะไทยมีการนำระบบพรีแฟบเข้ามาใช้นานกว่า 10 ปีแล้ว และพฤกษาฯเองก็เช่นกันที่นำระบบพรีแฟบเข้ามาใช้ในการก่อสร้างบ้านทั้ง 100% ซึ่งยอดการผลิตและยอดขายของบริษัทเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีต่อข้อสงสัยเรื่องการยอมรับในระบบดังกล่าว ส่วนการช่วยลดต้นก่อสร้างและต้นทุนการเงินนั้น ระบบพรีแฟบ ได้รับการยอมรับและนำมาใช้กันทั่วโลกแล้วโดยเฉพาะในประเทศขนาดใหญ่ เช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ปัจจุบันไม่มีใครใช้ระบบก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนในธุรกิจอสังหาฯขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการใช้ระบบพรีแฟบในวงการอสังหาฯไทย ยังไม่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในภาวะปัจจุบัน แม้ว่าระบบดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนก่อสร้างได้ก็ตาม เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจาก 2 ปัญหาหลักๆ คือ 1.การลงทุนตั้งโรงงานผลิตระบบก่อสร้างสำเร็จรูปต้องใช้เงินลงทุนสูง 2.ปริมาณงานก่อสร้างของผู้ประกอบการแต่ละรายยังไม่มากพอ ปัจจัยทั้ง 2 ข้างต้นนั้น ทำให้การสร้างโรงงานไม่คุ้มทุน “พฤกษาฯ นำระบบพรีแฟบเข้ามาใช้เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และมีการแก้ไขระบบต่อเนื่องจนปัจจุบันระบบนิ่งแล้ว เรามียอดการผลิตต่อปี 9,000 - 10,000 ยูนิต และในช่วงนี่ ถือเป็นเวลาที่ไม่เหมาะสม เพราะภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย” ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคยอมรับระบบพรีแฟบมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายบ้านนิวเทรนด์ ในปีนี้ที่สูงกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ ในขณะเดียวกันปีหน้าสถาบันการเงินจะเข้มงวดการปล่อยกู้สินเชื่อโครงการ และรายย่อยมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายที่มีปัญหากระแสเงินสดหมุนเวียนในบริษัทต่ำ และมีปัญหาในการพัฒนาโครงการใหม่ ไม่สามารถพัฒนาโครงการใหม่ได้ต่อเนื่องอย่าปีที่ผ่านมา “การนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้ในการสร้างบ้าน ช่วยให้บริษัทลดต้นทุนก่อสร้าง และระยะเวลาก่อสร้าง สามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น ทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมาตรการในการปล่อยสินเชื่อโครงการของแบงก์ในขณะนี้เข้มงวดมาก เช่น โครงการคอนโดมิเนียมต้องมียอดขายเกิน50%ก่อน จึงจะสามารถเบิกเงินกู้มาใช้หมุนเวียนในการก่อสร้างได้ นั่นหมายความว่าในช่วงแรกผู้ประกอบการต้องใช้เงินลงทุนเอง และหากการก่อสร้างล่าช้าหรือยอดขายไม่เดินก็จะยิ่งส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัท” ทั้งนี้ ในปี 52 บริษัทจะเน้นจับตลาดบ้านระดับต่ำกว่า4ล้านบาท โดยจะนำระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้ในการพัฒนาบ้านต่ำกว่า4 ล้านบาทและคอนโดฯทั้งหมด100% จากเดิมที่ในปีที่ผ่านมาบริษัทใช้ระบบพรีแฟบในการก่อสร้างบ้านนิวเทรนด์ และคอนโดฯอยู่ประมาณ70% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น บริษัทขนาดใหญ่เจ้าตลาด อย่าง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ , เอเซียน พร็อพเพอร์ตี้ฯ, แอล.พี.เอ็น. ได้นำระบบพรีแฟบเข้ามาใช้ในการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสัดส่วนสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน อย่าง ซีคอนโฮม, แลนดี้โฮม, บิวท์ทูบิวด์ ก็นำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปเข้ามาช่วยในการก่อสร้างเช่นกัน นางมาลี สุวรรณสุต กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรและบุคคล บริษัท ปทุมดีไซนด์ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาเรื่องค่าแรง และต้นทุนการก่อสร้างทำให้บริษัทสนใจที่นำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้รองรับปริมาณงานก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องพิจารณาให้รอบด้านถึงผลดีผลเสียก่อนเนื่องจากการก่อสร้างโรงงานใช้ทุนสูง และปริมาณงานต้องสูงจริงๆ จึงคุ้มต่อการลงทุน ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้ต้องย้อนกลับไปคิด และพิจารณาแนวคิด วิธีการบริการจัดการ และการนำระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างเข้ามาแก้ไขปัญหาต้นทุนการก่อสร้าง และต้นทุนการเงินที่ปรับตัวสูงของประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีประสบการณ์ในการก้าวข้ามรอยต่อระหว่างประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งแนวคิดในการแก้ปัญหาดังกล่าวนั้น แม้เคยมีการหยิบยกมาหารือกันทั้งในด้านวิชาการและการทดลองปฏิบัติมาแล้วในอดีต แต่ในช่วงที่ผ่านมามีเอกชนเพียงไม่กี่รายที่มีการนำมาใช้อย่างจริงจัง ...ถามว่าวันนี้ ถึงเวลาของระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป หรือ พรีแฟบ อย่างแท้จริงแล้วหรือยัง ?

ส.อาคารชุดชี้ลงทุนอพาร์ตเมนท์เสี่ยง

สมาคมอาคารชุดไทย ชี้ลงทุนสร้างอพาร์ตเมนต์ยุคเศรษฐกิจชะลอตัวเสี่ยงสูง อาจมีความเช่าไม่เต็ม ระบุธุรกิจซื้อห้องชุดในคอนโดฯ ครั้งละหลายยูนิต หลายทำเลปล่อยเช่าเริ่มเฟื่องฟู ชี้ความเสี่ยงน้อยเหตุปล่อยขายได้ง่าย ผลตอบแทน 7-7.5% นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคม อาคารชุดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนพัฒนาโครงการอพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ที่ลงทุนก่อสร้างโครงการเองโดยเฉพาะโครงการที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง จะมีความเสี่ยงอย่างมากจากการที่ผู้เช่าไม่เต็ม เนื่องจากมีจำนวนยูนิตมาก ขณะที่บางทำเล ผู้เช่าไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ต่อไปเนื่องจากมีการปิดตัวของสถานประกอบการลง ทั้งนี้วิธีการลงทุนการทำอพาร์ตเมนต์ให้เช่าที่เริ่มเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นคือ การซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมโครงการละ 2-5 ห้อง กระจายอยู่ในหลายทำเล แล้วนำมาปล่อยเช่า เนื่องจากใช้เงินลงทุนต่ำกว่าการสร้างอพาร์ตเมนต์ทั้งอาคารและมีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะกระจายหลายทำเล นอกจากนี้คอนโดฯที่ซื้อมานั้นจะได้ประโยชน์จากอัตราค่าเช่าที่ สูงกว่าอพาร์ตเม้นต์ ผลตอบแทนอยู่ที่ 7-7.5% แถมยังสามารถปล่อยขายต่อได้ง่าย ขณะที่อพาร์ตเม้นต์ขายต่อได้ยากเพราะโครงการขนาดใหญ่” นายอธิปกล่าว อย่างไรก็ดีนักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโดฯ เพื่อไว้ปล่อยเช่านั้นจะต้องพิจารณาถึงพื้นที่ในทำเลรอบข้าง รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น หากต้องการจับลูกค้าญี่ปุ่น จะเป็นคอนโดฯในย่านทองหล่อ สุขุมวิท ต้องมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ เพราะพื้นที่ในประเทศเขาจำกัด ต่างจากพฤติกรรมของกลุ่มชาวจีนและไต้หวัน นั้นต้องการยูนิตห้องที่มีขนาดเล็ก ทั้งนี้กลุ่มนักลงทุนที่ซื้อคอนโดไว้เพื่อเก็งกำไร และปล่อยขายในช่วงเศรษฐกิจซบเซานั้น อาจจะทำให้กำไรที่ได้ไม่มาก เท่าที่ต้องการจะได้ แต่เชื่อว่า ราคาขายต่อจะไม่ต่ำจากเดิมแน่ โดยเฉพาะโครงการคอนโด ที่เจ้าของโครงการมีการดูแลที่ดี รวมถึง คอนโดในบางทำเลที่โครงการใหม่ไม่สามารถก่อสร้างได้อีก เนื่องจากติดปัญหาเรื่องกฎหมาย จึงทำให้โครงการเก่ายังสามารถปล่อยขายได้ในราคาที่ดี ซึ่งจะเห็นได้ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดยังคงเติบโตมาโดยตลอด นายอธิปกล่าวต่อว่า ผู้ที่จะลงทุนเพื่อรับกับวัยเกษียณ ควรจะต้องมีการวางแผน โดยอาจจะเริ่มจากเงินสำรองของรายได้ต่อเดือนประมาณ 30% ขณะเดียวกันก็กระจายพอร์ตลงทุนไปยังการลงทุนประเภทอื่นไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นตกก็ยังมีโอกาสที่จะถือไว้ได้กำไร พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่กับจังหวะเวลา บางครั้ง ผู้ที่ครองไว้จะสามารถปล่อยขายได้ไวและกำไรดี แต่บางครั้งอาจจะต้องถือนาน แต่ทั้งนี้ก่อนจะลงทุนด้านใดนั้น ควรจะต้องมีความรู้ในแต่ละด้านอย่างถ่องแท้

บริษัทหลักทรัพย์เร่งหาธุรกรรมใหม่

บริษัทหลักทรัพย์ฯ ปีหน้า เล็งหารายได้ธุรกรรมใหม่ – เพิ่มทางเลือกในการลงทุนแก่ลูกค้า บล.เคจีไอ เตรียมออกกองทุนอีทีเอฟ อิงดัชนีต่างประเทศหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งออกวอร์แรนต์อนุพันธ์อืงหุ้นเทรดต่างประเทศและสตรัคเจอร์โน๊ต เผยอยู่ระหว่างศึกษาเกณฑ์และค่าลิขสิทธิ์ ด้าน บล.บัวหลวง เปิดให้บริการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ฯ มี.ค.หวังแชร์ 5% ขณะที่ บล.ฟิลลิป เริ่มทำกองทุนส่วนบุคคล เน้นลงทุนเอเชียแปซิฟิค -ธุรกิจเอสบีแอล พร้อมทั้งเปิดให้นักลงทุนได้ซื้อขายในตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับหุ้น จะเปิดให้ซื้อขายวันแรก 24 พฤศจิกายนนี้ พร้อมรักษาแชร์อยู่ที่ 3.2-3.3% นางสาวนฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยว่า จากภาวะตลาดหุ้นไม่ดีนั้น เป็นช่วงที่ทำให้บริษัทมีการศึกษาที่จะออกสินค้าใหม่ๆ ในปีหน้า 4 สินค้า ประกอบด้วย 1.การออกกองทุนอีทีเอฟ 3 คือ ที่อ้างอิงดัชนีต่างประเทศ คือ ดัชนีนิเคอิ และฮั่งเส็ง ฯลฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากฎเกณฑ์และค่าลิขสิทธิ์ในการที่จะออกอีทีเอฟกับดัชนีของประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ การที่ดัชนีในต่างประเทศปรับตัวลดลงมาจากปัญหาวิกฤตทางการเงินสหรัฐนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่จะออกอีทีเออ้างอิงดัชนี เพราะ จะได้ลงทุนในราคาที่ต่ำ ซึ่งหากรอให้ภาวะตลาดดีแล้วเข้าไปซื้อนั้นอาจจะซื้อไม่ทันทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงไปทำให้ต้องซื้อในราคาที่แพง และบริษัทกำลังพิจารณาออกอีทีเอฟกลุ่มอุตสาหกรรม และอีทีเออ้างอิงกับดัชนีฟุ้ตซี่หุ้นขนาดใหญ่ (FTSE Large Cap ETF ) รวมถึงอีทีเอฟที่อ้วงอิงกับสินค้าคอมมูนิตี้ (ETC) เช่น น้ำตาล น้ำมัน กาแฟ ข้าวโพด ถั่วเหลืองสินค้าที่2 คือการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)อ้างอิงกับหุ้นที่ซื้อขายในกระดาน ประมาณ 10 หุ้นแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการนำเข้าจดทะเบียน ซึ่งคาดว่าในไตรมาส1/52ก.ล.ต.จะมีการออกเฏณฑ์ในการเสนอขาย และบริษัทคาดว่าจะสามารถออกDW ได้ในไตรมาส2/52 โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท โดยสินค้าที่3 คือ การออกสตรัคเจอร์โน๊ตที่อ้างอิงกับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสินค้าที่ 4 คือ การพัฒนาระบบการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์(SBL)บนระบบการส่งคำซื้อขายโดยตรง (DMA)เพื่อรองรับการทำธุรกรรมอาบีถาด ของลูกค้าสถาบันต่างประเทศ และพัฒนาระบบSBL ให้มีการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต สำหรับลูกค้าบุคคลเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว "สำหรับสินค้าใหม่ของบริษัทคาดว่าสินค้าแรกที่จะสามารถออกได้ คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่อ้างอิงหุ้นและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ "นางนฤมล กล่าว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ บริษัทจะมีการจัดสัมมนา หัวข้อ "OTC Equity Derivative Warrants in Hong Kong &Taiwan " เพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุน และพร้อมเปิดตัว KGI Thailand และ Rabobank ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจตราสารอนุพันธ์นอกตลาด ที่อ้างอิงกับสินค้า หรือดัชนีต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่นสิงคโปรื ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป นายวสันต์ จันทร์สัจจา ผู้อำนวยการสายงานผลิตภัณฑ์พิเศษ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน)หรือ BLS เปิดเผยว่า บริษัทคาดจะประกอบธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ( SBL )ในเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ใบอนุญาตและอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อให้ทำงานร่วมกับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ทั้งนี้ จากการที่บริษัทมีการทำธุรกิจSBL เพื่อที่จะเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนมากขึ้นในช่วงภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนสามารถที่จะยืมหลักทรัพย์มาขายเพื่อทำกำไร และซื้อคืนในช่วงที่ราคาต่ำกว่าที่ได้ขายชอร์ตเพื่อทำกำไรส่วนต่างราคาของหลักทรัพย์ที่ยืม โดยเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าได้มีการสอบถามในเรื่องดังกล่าวเข้ามาพอสมควร สำหรับในปีแรกบริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) SBL 5% โดยเน้นให้บริการฐานลูกค้ารายย่อยของบริษัท จากที่บริษัทมีฐานลูกค้าถึง 20,000 บัญชี ขณะที่บริษัทคาดว่าในปีหน้าจะมีมูลค่าการขายชอร์ตเฉลี่ยประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งลดลงจากปีนี้ที่มีเฉลี่ย 1,800 ล้านบาทต่อเดือนเนื่องจากมองว่าภาวะตลาดหุ้นไทยคงปรับตัวลดลงไม่แรงเหมือนกับในปีนี้ที่ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงแรง แต่เชื่อว่าดัชนีจะมีการแกว่งตัวทำให้มีช่วงในการทำกำไรจากการขายชอร์ตได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะจัดให้เจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ของบริษัทมีการแนะนำให้ลูกค้ามีการเข้ามาทำธุรกิจSBL โดยบริษัทจะมีการคิดค่าธรรมเนียมการยืมหลักทรัพย์อยู่ที่ 7% ต่อปี และค่าเนียมการให้ยืมหลักทรัพย์อยู่ที่ 3% โดยบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมในการยืมหลักทรัพย์ปีแรก 1 ล้านบาท และมีค่าธรรมในการส่งคำสั่งการขายชอร์ตและซื้อหุ้นคืนประมาณ 5-6 ล้านบาท นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการดำเนินงานปี 2552 ในการเพิ่มธุรกรรมใหม่ คือ การให้บริการกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางและให้นักลงทุนมีความสะดวกในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกจะเปิด 3 กองทุนก่อน คาดว่ามีมูลค่ากองทุนประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นในแถบเอเชียแปซิฟิค ซึ่งผู้บริหารเข้ามานั้นจะเป็นผู้จัดการกองทุนจากประเทศสิงคโปร์เข้ามาดูแลจากที่มีประสบการณ์ที่สูง คาดว่าปีแรกในการทำธุรกรรมดังกล่าวจะมีมูลค่ากองทุนรวมประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะทำธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ภายในอีก 2 เดือนหน้า พร้อมทั้งเปิดให้นักลงทุนได้ซื้อขายในตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับหุ้น(Stock Futures) ซึ่งจะเปิดให้ขายในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เป็นวันแรก รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อขายในตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับทองคำ(Gold Futures) ด้วย ซึ่งบริษัทพยายามจะรักษามาร์เกตแชร์ให้อยู่ในระดับประมาณ 3.2-3.3% ซึ่งเทียบเท่ากับปัจจุบัน แต่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มี 2.5-2.6%

ตลาดหุ้นภาคบ่ายร่วง 2%

ตลาดหุ้นภาคบ่ายร่วง 2% ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เริ่มส่งผลกระทบ หลังสภาพัฒน์ อาศัยจังหวะการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลทรราช ประกาศหั่นตัวเลขประมาณการ "จีดีพี" ลงเหลือ 4.5% ขณะเดียวกัน รมว.คลังก็ออกมาพูดว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ แบบสงบ สันติ อหิงสา ทำลายบรรยากาศการลงทุน ถือเป็นปัจจัยลบที่ซ้ำเติมการลงทุนในตลาดหุ้น และตอกย้ำความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะไร้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อาสาเข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง แต่กลับโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้าม วันนี้ (24 พ.ย.) ภาวะตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง โดยเมื่อเวลา 14.44 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 389.00 จุด ลดลง 8.51 จุด เปลี่ยนแปลง -2.14% เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ยังกังวลปัญหาเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ที่ทยอยผุดขึ้นมาทั่วโลก แม้ว่าปัญหาซิตี้กรุ๊ปจะได้รับการแก้ไขแล้ว โดยกระทรวงการคลังสหรัฐ เตรียมใช้เงินลงทุนสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือธนาคารแล้วก็ตาม ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศ ก็ยังมีความน่าเป็นห่วงสถานการณ์ นักลงทุนจับตาการเปลี่ยนแปลง ด้านรัฐบาลก็สบจังหวะประกาศปรับลดประมาณการตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาระบุว่า จีดีพีตลอดทั้งปี 2551 คาดว่าจะขยายตัวไม่เกิน 4.5% จากประมาณก่อนหน้าที่คาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 5.2-5.7% นอกจากนี้ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังออกมากล่าวว่า ปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกระจายปิดล้อมหน่วยงานสำคัญ อาจกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น รวมถึงความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย ทำให้หลายประเทศเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังการเดินทางเข้ามาในไทย นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่คนในรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาพูดเช่นนี้ ถือเป็นปัจจัยลบที่ซ้ำเติมการลงทุนในตลาดหุ้น และตอกย้ำความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ไร้ความสามารถในเชิงการบริหาร และเป็นการปัดความรับผิดชอบ เพราะอาสามาบริหารชาติบ้านเมือง แต่ทำตัวเอื้อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม และพยยามป้ายสีความผิดให้กับฝ่ายตรงข้าม ทั้งนี้ ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 386.12 จุด ลดลง 11.39 จุด เปลี่ยนแปลง -2.87% มูลค่าการซื้อขาย 6,723.02 ล้าน

2551/11/17

KGI ตั้งเป้าปี 52 เป็นศูนย์กลางการซื้อขายอนุพันธ์รักษามาร์เก็ตแชร์ 10%

นายวีระศักดิ์ นิ่มขุนทด ผู้ช่วยผู้อำนวยการส่วนธุรกิจตัวแทนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) หรือ (KGI) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายในปี 52 ในการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายในตลาดอนุพันธุ์ โดยจะรักษาส่วนแบ่งตลาดนายหน้าตลาดอนุพันธ์ไว้ในระดับ 10%
ในปีหน้า KGI จะชูคอนเส็ปต์"เทรดอนุพันธ์ เทรดกับ KGI Futures" โดยมีแผนการดำเนินงาน 3 แนวทาง คือ การขยายฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการจัดสัมมนาอบรมทุกสัปดาห์ ซึ่งได้เตรียมเครื่องมือช่วยในการซื้อขาย อาทิ ข้อมูลการซื้อขายแบบเรียลไทม์, มีแผนจะทำ Platform ซึ่งสามารถดูราคาได้ทั้ง 2 ตลาด คือ ตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธุ์ เพื่อส่งคำสั่งซื้อขาย ทั้ง 2 ตลาดได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้การซื้อขายคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น และ สร้างความพึงพอใจในการบริหารและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน "ปัจจุบันภาวะการแข่งขันในตลาดอนุพันธ์ค่อนข้างรุนแรง มีจำนวนโบรกเกอร์มากขึ้นทำให้ KGI ต้องเร่งพัฒนาตัวเอง แต่เราก็พยายามรักษาระดับมาร์เก็ตแชร์ให้อยู่ที่ 10% ในปีหน้าตามแผนที่วางไว้"นายวีระศักดิ์ กล่าว ทั้งนี้ บริษัทตลาดอนุพันธ์จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะจะมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเทรด อาทิ Gold Futures และมีการเพิ่มจำนวนหุ้นใน Stock Futures โดยประเมินการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์จะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 2 หมื่นสัญญาต่อวัน จากปีนี้อยู่ที่ 1 หมื่นสัญญาต่อวัน

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าบวก 2.92 จุด วอลุ่มบาง เม็ดเงินใหม่ยังไม่เข้าตลาด แค่เล่นรอบ

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 2 ชั่วโมง 12 นาทีที่แล้ว
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 432.89 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด(+0.68%) มูลค่าการซื้อขาย 3,781 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเปิดตลาดขึ้นแดนลบช่วงสั้น โดยแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ 428.48 จุด และแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 436.09 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถาบันวิจัย บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นลักษณะsideway แกว่งตัว มีแรงซื้อแต่ไม่ได้หนาแน่น ยังมองตลาดเป็น sideway ปัจจัยใหม่ๆ ไม่มี เราอยู่ในวิกฤตไปเรียบร้อยแล้ว recession 2 ไตรมาสของ GDP ประเทศใหญ่ๆ ก็เป็นไปตามที่คาด ตรงนี้ราคาหุ้นก็ลงมารอถือว่าไม่ได้ผิดคาดอะไร ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นจะต้องไปมาก แต่หุ้นก็คงขึ้นยากถ้ามองจากช่วงนี้จนถึงปลายปี เพราะเม็ดเงินใหม่ๆ คงยังไม่เข้าตลาดเร็วนักคงมีแค่เม็ดเงินระยะสั้นที่จะเข้ามาเล่นรอบหรือกองทุนในประเทศที่อาจจะได้เงินทุนจาก LTF ในช่วงปลายปีแค่นั้น แนวโน้มช่วงบ่ายมอง 420-440 จุด เป็นจุดที่น่าจะเล่นได้ วอลุ่มน้อยมากไม่มีนัยสำคัญ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 430.00 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 272.83 ล้านบาท ปิดที่ 96.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 267.46 ล้านบาท ปิดที่ 166.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท TTA มูลค่าการซื้อขาย 250.63 ล้านบาท ปิดที่ 13.20 บาท ลดลง 0.30 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 193.68 ล้านบาท ปิดที่ 80.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

2551/11/08

หุ้น

การเล่นหุ้น อยากรู้ว่าเสี่ยงหรือไม่ ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ แล้วการเล่นหุ้นเหมาะกับตัวท่านหรือไม่ จากการลงเงินจริง
จะดีแค่ไหนถ้าได้ศึกษาทุกอย่างฟรี ให้ท่านผู้สนใจมีความรู้เกี่ยวกับการเล่นหุ้น และพัฒนาความรู้ เพราะเรื่องหุ้น มักเป็นเรื่อง ของคนมีทุน แต่ล่าสุดไม่มีทุนก็สามารถเล่นได้ และฝึกประสบการณ์ได้ ใครๆก็เล่นได้ อย่างไรก็ตาม เราเน้นให้ท่านมีความรู้และฝึกประสบการณ์ เพื่อพัฒนาความรู้ด้านนี้ เพื่อเก็บเกี่ยว เอาวิชาความรู้ หลักการต่างๆ เมื่อท่านชำนาญแล้ว ก็แล้วแต่ท่าน ว่าท่านเห็นอย่างไรกับการเล่นหุ้น โดย
โบรกเกอร์มาร์เก็ตติวา โบรกเกอร์ที่สปอร์ที่สุดที่มีเครื่องมือให้ศึกษาดังนี้
1. โปรแกรมหุ้น ( ซอฟร์แวร์คอมพิวเตอร์ ) ศึกษาได้ทุกฟังค์ชัน
2. ท่านจะได้ศึกษาการลงทุนโดย โปรแกรมหุ้น จะมีเงินปลอม จำนวน 20,000 เหรียญ us ให้ลองศึกษาการลงทุน การบริหาร เงิน สถานการณ์การขึ้นลง ของหุ้นเป็นจริงทุกอย่าง
3. มีกราฟสถิติย้อนหลัง และการฟแบบแสดงเรียลไทม์
4. ในโปรแกรมการเล่น ยังมีห้องสนทนา ซึ่งเป็นห้องสนทนาคนไทย ไว้ถามเทคนิคต่างๆ และหลักการต่างๆ เพื่อช่วยกัน ค้นหาแนวทางที่ดีที่สุด สนุกครับ คุยไปด้วย ฝึกความรู้ไปด้วย ไม่เหงา

5. ท่านจะทราบอัตราแลกเปลี่ยนเงินก่อนใคร ท่านจะทราบการขึ้น ลง ของทองคำก่อนใคร ท่านจะได้ความรู้เรื่องเทคนิคการเล่นหุ้น เป็นความรู้ขั้นสูงที่ใช้ได้ทุกตลาด รวมถึงตลาดประเทศไทย และตลาดต่างๆทั่วโลก เป็น ความรู้ที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
DOWJONES หุ้นดาวน์โจน
มาร์เก็ตติวา เป็นโปรเกอร์ตลาดดาวน์โจน ค่านายหน้าที่โบรกเกอร์มาร์เก็ตติวา เก็บจากนักลงทุน 19000 จุด หมายถึง เมื่อเราลงทุน เราจะติดลบ 19000 จุด ซึ่งต้องให้โบรกเกอร์ครับ
GOLD & SILVER เก็งค่าทองคำและเงินแท้
มาร์เก็ตติวา เป็นโปรเกอร์ตลาดทองคำ ค่านายหน้าที่โบรกเกอร์มาร์เก็ตติวา เก็บจากนักลงทุน ทองคำ 80 จุด เงินแท้ 55 จุด เปิดออนไลน์ 24 ชั่วโมง
FOREX เก็งค่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน
มาร์เก็ตติวา ยังเป็นโปรเกอร์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ค่านายหน้าที่โบรกเกอร์มาร์เก็ตติวา เก็บจากนักลงทุน ค่าเงิน EUR/USD 2 จุด USD/JPY 3 จุด เป็นต้น เปิดออนไลน์ 24 ชั่วโมง อ่านต่อที่
http://trades-inter.com/sub_advance.html